วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

คนฉลาด..ย่อมไม่เคยคิดว่า..คนอื่นโง่

..ย่ม่คิว่..อื่ง่



              คนฉลาดย่อมไม่เคยคิดว่าคนอื่นโง่และคนโง่มักคิดว่าตนเองฉลาด คนที่ดูถูกคนอื่นว่าโง่ บางทีตัวเองอาจโง่ยิ่งกว่า และมีแต่ละบุคคลประเภทนี้เท่านั้น ที่มักถูกผู้อื่นหลอกลวงอยู่เสมอ

              สิ่งที่เราไม่ชอบ บางครั้ง ... เราก็จำเป็นต้องรู้ อย่าปิดกั้นตัวเองให้ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ชมชอบเลย เพราะในโลกนี้สิ่งที่ทำร้ายเราได้ง่ายที่สุด ก็คือ สิ่งที่เราไม่ยอมรู้และไม่เคยเข้าใจ

              ชีวิตเป็นของเธอ ทางเดินชีวิตย่อมเป็นของเธอ สองขาของเธอ จงก้าวไปตามทางนั้น ทำในสิ่งที่เธอถนัดและเข้าใจ เธอจะไปได้ดีเท่าที่เธอควรจะไป หากอยากจะถามหาความจริงใจจากใครต่อใคร ต้องเริ่มถามหาที่ตัวเธอเองก่อนว่ามีความจริงใจเพียงพอหรือไม่

              ชีวิต..ไม่เคยมีคำว่าสาย หากก้าวหลงเดินทางผิด ย่อมกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ อาจจะช้ากว่าที่ควรจะเป็นไป แต่ก้อยังดีกว่าดิ่งลึก จมลงในความเลวร้ายทุกที ทุกที

              อย่าพยายามยัดเยียดความสุขหรือสิ่งที่เราคิดว่าดีให้กับใครต่อใคร เพราะมันอาจจะกลับกลายเป็นความทุกข์ ทุกข์ทั้งผู้ให้ ทุกข์ทั้งผู้รับ








              เคยถามตัวเองบ้างไหมว่าชีวิตต้องการอะไร ? ถาม ... และหาคำตอบให้แน่ใจ และเข้าใจให้ถ่องแท้ เมื่อนั้นเราจะก้าวต่อไปข้าวหน้าอย่างเชื่อมั่น และถูกทิศทางกว่าเดิม โลกเรายังคงหมุนไปทุกวัน หากวันนี้เราหยุดนิ่ง พรุ่งนี้ ......... เราก็แทบวิ่งตามไม่ทัน

             ชีวิตที่มีคุณค่า คือการใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เลย มาเริ่มต้นสรรค์สร้างสิ่งดีดีให้กับชีวิตของเราเถิด

             อย่าไปคิดว่า คนที่นั่งอยู่ในร่มไม้กลัวแสงแดด อย่าไปคิดว่า คนที่ฟุบหลับอยู่นั้นเป็นคนเกียจคร้าน อย่าไปคิดว่า คนที่หกล้มเป็นคนอ่อนแอ

             จงอย่าใช้เหตุผลของเธอ ตัดสินความหมายในสิ่งที่เธอเห็น โดยที่ไม่รับฟังเหตุผลจากอีกฝ่ายหนึ่งให้ดีเสียก่อน



ขอขอบคุณ :
http://www.kratookfilm.com

บทเรียนที่มีค่า

รีที่มีค่

                                               

1 . บทเรียนสำคัญบทแรก - คนทำความสะอาด

เมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือน อาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย จนมาถึงคำถามสุดท้าย

"สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่าอะไร?"

ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่ ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง เธอเป็นคนตัวสูง
ผมดำ และอายุกว่า 50

แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร?

ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า
คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่

"แน่นอน" อาจารย์ตอบ "เมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่

แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม"

ฉันไม่เคยลืมบทเรียนนั้นเลย และได้รู้ว่าชื่อของสตรีคนนั้นคือ โดโรธี

2. บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝน

คืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวง สายอลาบามา พยายามต้านฝนที่ตกหนักอยู่ รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมาก แม้จะเปียกโชก

เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่ง ผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่ 60 ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท๊กซี่ แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขาและจดที่อยู่ของเขาไปด้วย

เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขา ด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบมาด้วย ใจความว่า:

"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ" ด้วยความจริงใจ นาง แนท คิง โคล

3. บทเรียนสำคัญที่สาม ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ

ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ เมื่อพนักงานเสริฟวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า

"ไอศครีมซันเดราคาเท่าใหร่ครับ?" "ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสริฟสาวตอบ

แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋า แล้วก็นับเ หรียญในมือ "งั้น ไอศครีมเปล่า ๆ ล่ะครับราคาเท่าใหร่?" เด็กชายถามอีก

ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน "สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ

เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง "ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอา ไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป

เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไปเมื่อพนักงานเสริฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะบนโต๊ะนั้น

มีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญและเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่ อย่างบรรจง ข้างจานเปล่านั้น เห็นไหมว่า เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสริฟสาวคนนั้น

4. บทเรียนสำคัญที่สี่ สิ่งที่กีดขวางทางของเรา

ในยุคโบราณ มีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่
เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป

พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานา ที่พระองค์ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา

เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ

เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา เขาก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา เขียนไว้ว่า

ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา

5. บทเรียนสำคัญที่ห้า ให้เมื่อมีค่า

หลายปีมาแล้วเมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็นโอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอ

ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่า เขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่ ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า

"ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้" เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้มของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป เด็กชายมองไปที่หมอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ

"ผมกำลังจะตายใช่ไหม?" ด้วยความเป็นเด็กเขาเข้าใจหมอผิดไป เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาให้แก่พี่สาวเพื่อช่วยชีวิตเธอ





ขอขอบคุณ : http://postjung.com

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่องดีๆเกี่ยวกับพ่อจากพระพยอม

รื่ดี

 กี่กัพ่    


++เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า
....อาตมามีเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง โยมพ่อของอาตมาเป็นคนขี้เหล้า...
หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็กินเหล้าหมด

++พอเมาก็ดุด่าโยมแม่กับอาตมา อาตมาไม่ชอบพ่อมาก.......

++วันหนึ่ง โยมพ่อเมากลับบ้านไม่ไดมีคนให้อาตมาพายเรือไปรับ
ตอนนั้น อาตมายังเป็นวัยรุ่น ทำงานมาทั้งวันก็อยากจะนอน....
อยากพักผ่อน.... อาตมารู้สึกโมโหมาก

++พอพายเรือกลับบ้าน ก็ทิ้งโยมพ่อไว้ในเรือ
แต่พ่อเมามากลุกไม่ไหว ตะโกนเรียก.... "ไอ่ยอม... ไอ่ยอม... เมิงมา
อุ้มกุขึ้นบ้านหน่อย...กุขึ้นไม่ไหว "

++ไอ่เราก็ทนรำคาญไม่ไหว เดินกระทืบเท้า ตึง.. ตึง.. ตึง..
กระชากร่างพ่ออุ้ม ในขณะที่อุ้ม......

++ความรู้สึกเจ็บแค้นที่พ่อทำให้เราลำบาก ชอบด่าว่าเราเจ็บ
พออุ้มพ่อขึ้นมาจากเรือ... ถึงหัวสะพาน

++จับร่างพ่อกระแทกกับหัวสะพาน ก้นพ่อกระแทกกับ พื้นไม้อย่างแรง เสียงดังโครม....

++พ่อแกร้องไห้......
แล้วพูดว่า "ไอ่ยอมนะ... ไอ่ยอม.. กุอุ้มเมิงมาแต่เล็กแต่น้อย....
กุนอนหลับ.. แต่เมิงไม่ยอมนอน... ร้องไห้กวน.. กุต้องลุกมาอุ้มเมิง...
ร้องเพลงกล่อมให้เมิงนอน
จะไปไหนเมิงเดินไม่ไหว.... เมิงเหนื่อย.. กุก็ต้องอุ้มเมิง.....
ทั้งที่กุก็เหนื่อย...... กุอุ้มเมิง.....
เมิงทั้งขี้ทั้งเยี่ยวใส่กุ.... แต่กุไม่เคยทุ่มเมิงลงกับพื้นสักครั้งเลย...
เพราะกุรักเมิง......

++วันนี้.. เมิงอุ้มกุ.... เหล้ากุไม่ได้หกโดนเมิงสักนิด
เมิงทุ่มกุลงพื้นทำไม....."

++พอพ่อพูดจบ น้ำตาอาตมาไม่รู้มาจากไหน....
มันไหลพรูลงมาอาบสองแก้ม

++อาตมาเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน ก้มลงกราบพ่อ แล้วพูดว่า.....
"พ่อครับ ต่อจากนี้ไป... ผมจะอุ้มพ่อตลอดชีวิต ...
โดยไม่บ่นและทุ่มพ่อ ลงพื้นอีกแล้วละครับ ..."

++หลังจากนั้น.... อาตมาทำงานอย่างหนักเพื่อมาให้พ่อ
หวังให้พ่อสบายขึ้น

++แต่เมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว....
โยมพ่อได้จากอาตมาไปแล้ว ....คิดแล้วมันทรมานใจเหลือเกิน

++อาตมาทำผิดพลาดไปแล้ว และแก้ไขไม่ได้

++จึงอยากเตือนทุกคนเอาไว้ไม่อยากให้เสียใจไปตลอดชีวิต

++ปล. แล้วคุณล่ะ เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า ?..
บางครั้งเราอาจเข้าใจท่านผิด
บางครั้งท่านเฉยเราก็คิดว่าท่านไม่สนใจ
แต่พอเราโตเราก็จะรู้เองว่า....
สิ่งที่ท่านทำกับเรามันเป็นสิ่งที่ท่านหวังดีกับเราเสมอ

++ขอให้รู้จักค้นหาหัวใจตัวเองให้ทันเวลา
ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป.....




ขอขอบคุณ : bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=r991699&page=2

คุณค่าของเวลา



ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 10 ปีมีค่าขนาดไหน
ถามคู่แต่งงานที่เพิ่งหย่าร้างกัน




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 4 ปีมีค่าขนาดไหน
ถามนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ปีมีค่าขนาดไหน
ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก



ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 9 เดือนมีค่าขนาดไหน
ถามแม่ที่เพิ่งคลอดลูก




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือนมีค่าขนาดไหน
ถามมารดาที่คลอดบุตรยังไม่ครบกำหนด




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 อาทิตย์มีค่าขนาดไหน
ถามบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์



ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมงมีค่าขนาดไหน
ถามคนรักที่รอพบกัน




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 นาทีมีค่าขนาดไหน
ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทาง หรือเรือบิน




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาทีมีค่าขนาดไหน
ถามคนที่รอดตายจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด




ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลาเสี้ยวหนึ่งของวินาทีมีค่าขนาดไหน
ถามนักกีฬาโอลิมปิกที่ชนะเหรียญเงิน




ถ้าท่านอยากรู้ว่ามิตรภาพมีค่าขนาดไหน เสียเพื่อนสักคนหนึ่ง
เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก
จงใช้เวลาของท่านทุกขณะอย่างดีที่สุด
ท่านจะรู้คุณค่าของเวลาเมื่อท่านแบ่งปันกับคนที่พิเศษสุดในชีวิตของท่าน